คอลลาเจนบํารุงกระดูก ตอบทุกข้อสงสัยกินแล้วช่วยได้จริงหรือไม่ ?
เมื่อเราอายุมากขึ้น แน่นอนว่าร่างกายของเราก็เริ่มที่จะเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณของมวลกระดูกลดลงจนทำให้กระดูกสูญเสียความแข็งแรง จนเกิดปัญหากระดูกพรุน บาง เปราะ และแตกหักง่ายตามมา หลาย ๆ คนจึงมักเลือกที่จะป้องกันปัญหาและบรรเทาอาการเหล่านี้ด้วยการรับประทานอาหารเสริมเพิ่มเติม ซึ่งหนึ่งในหมวดอาหารเสริมยอดนิยมที่หลาย ๆ คนเลือกคือคอลลาเจน วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกคนมาเจาะลึกให้รู้กันไปเลยว่า คอลลาเจนบํารุงกระดูก ได้จริงหรือไม่ พร้อมตอบทุกข้อสงสัยกินแล้วช่วยได้จริงหรือแค่การตลาดกันค่ะ
คอลลาเจนบำรุงกระดูก และข้อเข่าได้ผลจริงหรือ?
หลายๆคนคงมีความสงสัยว่าคอลลาเจนจะสามารถช่วยบำรุงกระดูกได้จริงหรอ เพราะส่วนใหญ่แล้วเชื่อว่าคุณสมบัติเด่นคือคอลลาเจนช่วยลดริ้วรอย บำรุงผิวพรรณให้ดูกระจ่างใส รวมไปถึงคอลลาเจนสามารถบำรุงเส้นผมและเล็บให้แข็งแรงได้ด้วย แต่ประโยชน์ของคอลลาเจนไม่ได้มีแค่นั้น มีผลวิจัยมาแล้วว่า “คอลลาเจนสามารถบำรุงกระดูกและข้อต่อ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยที่สะสมได้เป็นอย่างดี” ซึ่งคอลลาเจนคือโปรตีนเกิดการรวมตัวของ กรดอะมิโน ซึ่งสามารถพบได้ตามกระดูก จริงๆแล้วร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้เอง แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลงโดยเฉพาะ ผู้ที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียดสะสม สูบบุหรี่ พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้คอลลาเจนในร่างกายเสื่อมสภาพได้ง่ายกว่าเดิม เมื่อร่างกายได้รับคอลลาเจนไม่เพียงพอก็จะเกิดปัญหาสุขภาพตามมา
อย่างที่เราทราบกันดีว่าคอลลาเจนมีหลายประเภท แต่จากงานวิจัยพบว่าคอลลาเจนชนิดที่2 (Collagen Type ll) มีส่วนช่วยในเรื่องกระดูกบริเวณข้อต่อได้มากที่สุด โดยสามารถลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โรคข้อเข่าเสื่อมและบำรุงกระดูกได้จริง แถมยังช่วยลดอาการปวดสะสมได้อีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของคอลลาเจนส่งผลดีต่อร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับคอลลาเจนที่เพียงพอก็ยิ่งทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น คอลลาเจนเมื่อทานเข้าไปแล้วจะดูดซึมบำรุงส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ผิว เล็บ ผม และกระดูก จะช่วยทำให้เนื้อเยื่อต่างๆมีความแข็งแรง อย่างไรก็ตามการทานคอลลาเจนเป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ยิ่งร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ก็จะยิ่งเห็นผลได้อย่างชัดเจน
แหล่งที่มา :
- เคล็ดลับ…เพิ่มความแข็งแรงให้ข้อเข่า ด้วย Bone and Joint. https://www.phyathai.com/article_detail/2781/th/เคล็ดลับ…เพิ่มความแข็งแรงให้ข้อเข่า_ด้วย_Bone_and_Joint
ต้องการบำรุงกระดูกและข้อต่อต้องทานคอลลาเจนประเภทไหน
คอลลาเจนที่ดูแลบำรุงเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อต่อ อาการปวดที่สะสม ควรเลือกทานเป็น “คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type 2)” ซึ่งคอลลาเจนชนิดที่ 2 มีกรดไฮยาลูนิค เป็นส่วนประกอบการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อประสิทธิภาพของคอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนที่มีความสำคัญต่อกระดูกและข้อต่อ ซึ่งจะช่วยทำให้บำรุงกระดูกและข้อต่อได้เป็นอย่างดี ในการดูดซึมคอลลาเจนชนิดที่ 2 จะดูดซึมผ่านลำไส้และไปสะสมที่กระดูกอ่อนได้ จะสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่เกิดจาก อาการปวดข้อต่อ หัวเข่า การปวดเมื่อยสะสมเป็นเวลานาน เมื่อร่างกายได้รับคอลลาเจนที่เพียงพอก็จะทำให้อาการปวดเหล่านี้บรรเทาลงได้ แต่ถ้าหากร่างกายได้รับคอลลาเจนไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดอาการเหล่านี้
1.อาการปวดข้อเข่าและกระดูก แน่นอนว่ายิ่งอายุมากขึ้นร่างกายจะมีอาการปวดตามร่างกาย เช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดขา ปวดเข่า ได้ง่ายมาก ยิ่งถ้าไม่ได้ดูแลร่างกายไม่หาตัวช่วยบำรุงดีๆ อาจจะทำให้กลายเป็นอาการปวดสะสมได้เลยทีเดียว
2.มีอาการปวดตามกล้ามเนื้อ เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะเสียมวลกล้ามเนื้อได้ ซึ่งถ้าหากว่าอยากมีมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ควรทานคอลลาเจนเพื่อบำรุงชะลอการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ การทานคอลลาเจนส่งผลดีต่อร่างกายถือว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญ
3.อาการโรคกระดูกพรุน อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงสูงมาก ยิ่งอายุมากขึ้นจะพบเจอปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อ อาการปวดข้อกระดูกอยู่บ่อยๆ บางทีหากเผลอล้มไป อาจจะทำให้ถึงขั้นกระดูกหักได้เลย ซึ่งประโยชน์ของคอลลาเจนก็เป็นตัวช่วยที่ทำให้กระดูกแข็งแรง
แหล่งที่มา :
- คอลลาเจนบำรุงกระดูก ได้ผลจริงไหม ?. https://www.collakenko.com/article/คอลลาเจนบำรุงกระดูก
วิธีเพิ่ม คอลลาเจนบำรุงกระดูก และข้อเข่า
อย่างที่เรากล่าวกันไปแล้วว่าเมื่อเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้นร่างกายก็เริ่มเสื่อมสภาพลง ซึ่งการสร้างคอลลาเจนในร่างกายก็จะเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ไปด้วย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอีกหลากหลายอย่างที่ทำให้การสร้างคอลลาเจนลดลง เช่น โรคประจำตัว มลภาวะ สิ่งแวดล้อม อีกทั้งในเรื่องของอาหารการกินก็มีความสำคัญกับการเสริมสร้างคอลลาเจนเช่นกัน โดยแหล่งอาหารที่เสริมสร้างคอลลาเจน เพื่อบำรุงกระดูกและข้อเข่าให้แก่ร่างกายได้แก่
- อาหารบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ในแต่ละวันร่างกายของเราควรได้รับแคลเซียมอย่างน้อย 800 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ตามคำแนะนำของสำนักโภชนาการ การรับประทานแคลเซียมที่เพียงพอต่อร่างกาย จะเสริมสร้างและป้องการการสูญเสียมวลกระดูกได้ แหล่งอาหารที่พบแคลเซียม เช่น
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต ชีส นมสด นมรสจืด นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม และแคลเซียมจากปลาขนาดเล็กที่สามารถกินได้ทั้งกระดูกและเปลือก ปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีนกระป๋อง กุ้งฝอย กุ้งแห้งตัวเล็ก ก็เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีเช่นกัน
- ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้เหลือง เต้าหู้อ่อน เต้าหู้แข็ง งา งาดำ ประโยชน์ของงา นอกจากจะมีแคลเซียมแล้วยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยต่อกรกับโรคมะเร็ง
- ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักกาดเขียว ผักกวางตุ้ง บรอกโคลี เป็นต้น
- อาหารบำรุงข้อเข่าให้แข็งแรง
- น้ำเต้าหู้ ในถั่วเหลืองมีแหล่งคอลลาเจน ดื่มน้ำถั่วเหลืองในปริมาณเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับร่างกายของเรา
- ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่วิตามินซีสูง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและมีธาตุสังกะสีที่มีส่วนในการสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อ
- มะเขือเทศ นอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูสวยสุขภาพดีแล้ว มะเขือเทศยังเป็นแหล่งของคอลลาเจนอีกด้วย และช่วยซ่อมแซมกระดูดอ่อนและข้อต่อต่าง ๆ
- ขิง เป็นสมุนไพรที่สามารถลดการปวดเข่า และมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบตามข้อ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นแหล่งอาหารบางส่วนที่ช่วยบำรุงกระดูกและข้อเข่าของเราให้แข็งแรง แต่ถ้าใครรู้สึกว่าแหล่งอาหารที่ว่ามานี้ดูทานยากหรือยุ่งยากเกินไป หาอาหารเสริมอย่างคอลลาเจนเป็นตัวช่วยที่ทานได้ง่ายและสะดวก
แหล่งที่มา :
- บำรุงกระดูก ให้ถูกโภชนาการ. https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/calcium
จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากในการบำรุงกระดูกให้แข็งแรง โดยเฉพาะการรับทานคอลลาเจนสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงโรกกระดูกและข้อเข่าต่าง ๆ แต่ทั้งนี้แล้วนอกจากการรับประทานคอลลาเจนเสริมอย่างสม่ำเสมอ ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และอุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินต่างๆ รวมไปถึงการได้รับวิตามินดีจากแสงแดด และการออกกำลังกายเบาๆ เป็นประจำร่วมด้วยเพื่อให้ร่างกายและกระดูกของเราแข็งแรงและมีสุขภาพดีอยู่เสมอค่ะ