คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี ? แนะนำ 10 อันดับคอลลาเจน
หากพูดถึงคอลลาเจนหลายคนคงจะนึกถึงเรื่องความสวยความงามในการดูแลผิวพรรณเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะคอลลาเจนที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ มากมาย แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าคอลลาเจนคืออะไร? วันนี้เราจึงรวมสารพัดคำถามยอดฮิตที่ทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับคอลลาเจนมาไว้ให้แล้วไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจนมีความสำคัญหรือประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ทำไมเราต้องกินคอลลาเจน และที่หลายคนสงสัยกันอย่างมากว่า คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนเด็ด กินตัวไหนแล้วได้ผลดีบ้าง ลองมาดูกัน
10 ยี่ห้อคอลลาเจนแนะนำ
1. Ubereen Collagen2. SAIKONO Collagen
3. CHAMÉ Collagen
4. Mana Collagen
5. Colligi Collagen
6. Nutrilite Collagen
7. JOJU Collagen
8. Giffarine Collagen Maxx
9. Vida Collagen Gold
10. Boom Collagen Plus
1. Ubereen Collagen Dipeptide
ยูเบรีนคอลลาเจนอาหารเสริมเพี่อการชะลอความแก่ ลดริ้วรอย ด้วยนวัตกรรมใหม่ของคอลลาเจนที่มีโมเลกุลขนาดเล็กเพียง 200 ดาลตัน ทำให้ดูดซึมไวสู่เซลล์ผิวโดยตรง ช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวได้อย่างรวดเร็ว เห็นผลไวขึ้นผ่านการวิจัยด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมหลักของ Fish Collagen Dipeptide และ Salmon Collagen Peptide นำเข้าจากอิตาลี พร้อมกับมีสารสกัดจากธรรมชาติที่เป็นเกรดพรีเมี่ยมจากทุกแหล่งทั่วโลกมาผสมผสานกันถึง 5 ชนิด ส่งผลให้ผิวดูเนียน กระจ่างใส และช่วยบำรุงกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
- ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1-2 ช้อนตวง (1 ช้อน = 5,000 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 10-20 ครั้ง (1 กระปุก มี 100,000 มิลลิกรัม)
- ราคา : 890 บาท
- Collagen from : Italy
- Logo :
- Slogan : คอลลาเจนที่ดีที่สุดจากประเทศอิตาลี
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Ubereen
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Ubereen
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Ubereen
2. SAIKONO คอลลาเจน
คอลลาเจนไซโกโนะ คอลลาเจนจากปลาน้ำลึก ไม่ผสมแป้ง มีคอลลาเจน 3 ชนิด ใน 1 ซอง 15,000 มิลลิกรัม (Dipeptide, Hydrolyzed, Peptide) ลดการเกิดสิว รอยสิว สิวอักเสบ ปรับผิวกระจ่างใส เนียนลื่น ชุ่มชื่น รูขุมขนเล็กลง ช่วยลดรอยได้ดีขึ้นกว่าเดิม น้ำตาล 0% คีโตทานได้
- ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
- ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide, Hydrolyzed, Peptide
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1-2 ซอง (1 ซอง = 15,000 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 7-30 วัน (1 กล่อง บรรจุ 10 ซอง)
- ราคา : 390 บาท
- Collagen from : Japan
- Logo :
- Slogan : เพิ่มอาหารผิวแบบพรีเมี่ยม ตัวช่วยที่ดีของผิวขาวใส
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Saikono
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Saikono
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Saikono
3. CHAMÉ Collagen Tripeptide
ชาเม่ ไฮโดรไลซด์ คอลลาเจน ไตรเปปไทด์ พลัส 10,000 มิลลิกรัม คอลลาเจนไตรเปปไทด์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และสารสกัดคอลลาเจนปลาหิมะจากประเทศนอร์เวย์ กลูตาไธโอน ซีบัคธอร์น สารสกัดจากผงพีช และส่วนประกอบอื่น ๆ รวม 24 ชนิด บำรุงผิวพรรณ ขจัดปัญหาผิวหมองคล้ำ โดยการยับยั้งเอนไซม์ ตัวการในการสร้างเม็ดสีเมลานิน สาเหตุแห่งผิวหมองคล้ำ ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น เรียบเนียนดูมีชิวิตชีวา คงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ
- ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
- ชนิดของคอลลาเจน : Tripeptide
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1-2 ซอง (1 ซอง = 10,000 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 7-30 วัน (1 กล่อง บรรจุ 10 ซอง)
- ราคา : 490 บาท
- Collagen from : Japan, Norway
- Logo :
- Slogan : เสริมคอลลาเจน ครบสูตร สวยทุกส่วน
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Chame
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Chama
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Chame
4. Mana Collagen Dipeptide
มานา พรีเมี่ยมคอลลาเจนญี่ปุ่น (กระป๋องสีน้ำเงิน) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ใส่สี ไม่ผสมน้ำตาล ละลายง่าย ไม่มีแป้งและน้ำตาล วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น นวัตกรรมนาโน คอลลาเจน เอ็นแคปซูเลชั่น สามารถดูดซึมได้ถึงชั้นเซลล์ผิว ดูดซึมได้ไวสุด เห็นผลได้เร็ว และชัดเจนกว่าคอลลาเจนทั่วไปถึง 55 เท่า เห็นผลลัพธ์ได้จริง ภายใน 7 วัน ผิวขาวกระจ่างใส นุ่มลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนและยังช่วยบำรุง กระดูก เพิ่มน้ำในเอ็นข้อต่อได้เป็นอย่างดี
- ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
- ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1-2 ช้อน (1 ช้อน = 5,000 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 5-30 วัน (1 กระป๋อง บรรจุ 110,000 มิลลิกรัม)
- ราคา : 990 บาท
- Collagen from : Japan
- Logo :
- Slogan : มานา คอลลาเจนอันดับ 1 จากญี่ปุ่น
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Mana
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Mana
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Mana
5. Colligi Collagen Tripeptide
คอลลาเจน อมาโด้ คอลลิจิ เป็นคอลลาเจนไตรเปปไทด์ชนิดสายสั้นที่ผ่านกระบวนการย่อยจนทำให้มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ จึงส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการดูดซึมสูงและย่อยได้ง่ายเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่าหรือปวดตามข้อเข่า นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของกรดแอลคอร์บิก วิตามินซีที่ช่วยดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และลดเรือนริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย
- ประเภทคอลลาเจน : Tripeptide
- ชนิดของคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1 ช้อน ตอนเช้าหรือก่อนนอน (1 ช้อน = 5,000 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 20 วัน (1 กระปุกมี 100,000 มิลลิกรัม)
- ราคา : 1,190 บาท
- Collagen from : Japan
- Logo :
- Slogan : คอลลิจิ คอลลาเจน ชงแล้วใส ไม่มีสี
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Colligi
อ่านฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Colligi
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Colligi
6. Nutrilite Collagen
คอลลาเจนแอมเวย์ นิวทริไลท์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ ผงเปปไทด์จากถั่วเหลือง ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) จากปลาทะเล และยังมีสารสกัดจากดอกเก๊กฮวยขาว พร้อมกับ กลิ่นพีช กลิ่นสาลี่ กลิ่นสับปะรด และใช้หญ้าหวานเป็นวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลจึงไม่ก่อให้เกิดไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น เมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่องจะช่วยส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น ลดริ้วรอยที่สามารถมองเห็นได้ รวมถึงยังมีส่วนช่วยลดอาการปวดข้อและเข่าในกิจกรรมที่เกิดจากการเล่นกีฬาได้ด้วยเช่นกัน
- ประเภทคอลลาเจน : Peptide
- ชนิดของคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 2 ครั้งตอนเช้าและก่อนนอน (1 ซอง = 5,000 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 15 วัน (1 กล่องบรรจุ 30 ซอง)
- ราคา : 1,500 บาท
- Collagen from : Exclusive from Amway
- Logo :
- Slogan : COLLAGEN COMPLEX ตัวช่วยผิวกระจ่างใส
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Nutrilite
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Nutrilite
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Nutrilite
7. JOJU Collagen Dipeptide
คอลลาเจนโจจู คอลลาเจนแบบเม็ดรสนมสตอเบอรร์รี่ที่ไม่ได้เป็นแค่คอลลาเจนไดเปปไทน์ธรรมดา เพราะยังมีเซราไมด์ ส้มสีเลือด ตระกูล 3L และซิงค์หรือสังกะสีที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ช่วยควบคุมการอุดตันของไขมันบนชั้นผิว สมานแผล และบรรเทาอาการอักเสบของผิว โดยทางแบรนด์ใช้การอัดเม็ด Teblet แบบเคลือบเพื่อช่วยรักษาคุณภาพของสารสกัดให้คงประสิทธิภาพไว้เหมือนวันแรกที่ผลิต ซึ่งคอลลาเจนที่โจจูเลือกใช้จะเป็นของ Wellnex ที่ผลิตโดย Nitta Gelatib Inc. ผู้นำในการผลิตคอลลาเจนมายาวนานกว่า 100 ปี
- ประเภทคอลลาเจน : Dipeptide
- ชนิดของคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดเม็ด
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ดตอนท้องว่าง ( 1 เม็ด = 1,000 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 15-30 วัน (1 กระปุกมี 30 เม็ด)
- ราคา : 290 บาท
- Collagen from : Japan
- Logo :
- Slogan : คอลลาเจนปราบสิว ผิวขาวใส
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Joju
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Joju
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Joju
8. Giffarine Maxx คอลลาเจน
คอลลาเจน กิฟฟารีน คอลลาเจนชนิดเม็ดที่นอกจากจะอัดแน่นไปด้วยคอลลาเจนเปปไทด์จากการสกัดจากปลาทะเลแล้ว ยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยในการบำรุงผิวและร่างกายให้สุขภาพดี รวมไปถึงช่วยเสริมสร้างการทำงานและผลิตคอลลาเจนด้วย อย่างวิตามินซี (Vittamin C) ที่มีส่วนช่วยในการสร้างและเสริมประสิทธิภาพของคอลลาเจน , ไลโคปีน (Lycopepe) ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว และต้านอนุมูลอิสระ , ไลซีน (Lysine) กรดอะมิโนจำเป็นช่วยในการสร้างคอลลาเจน และ ทองแดง (Copper) ส่วนประกอบสำคัญในเอนไซม์หลายตัวในร่างกาย ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น เนียนนุ่มชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดเม็ด
- ชนิดของคอลลาเจน : Peptide
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ด (1 เม็ด = 800 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 15 – 30 วัน (1 กระปุกมี 30 เม็ด)
- ราคา : 600 บาท
- Collagen from : England
- Logo :
- Slogan : ดูแลผิวและข้อ
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Giffarine Maxx
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Giffarine Maxx
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Giffarine Maxx
9. Vida คอลลาเจน
คอลลาเจน วีด้า คอลลาเจนนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น สกัดจากปลาและมีส่วมผสมของคอลลาเจนถึง 3 ชนิดได้แก่ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Collagen Tripeptide) , คอลลาเจนเปปไทด์ ( Collagen Peptide) และคอลลาเจนไดเปปไทด์ ( Collagen Dipeptide) โดยคอลลาเจนเหล่านี้มีโมเลกุลเล็กดูดซึมง่าย ละลายได้ดี และไม่มีกลิ่นคาว ช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดี ชะลอริ้วรอย เพิ่มความอ่อนเยาว์และกระจ่างใส บำรุงสุขภาพข้อต่อและกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้คอลลาเจน วีด้ายังเสริมไบโอตินที่มีส่วนช่วยให้เส้นผมเงางาม เสริมความแข็งแรงให้กับผมและเล็บ
- ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
- ชนิดของคอลลาเจน : Peptide, Dipeptide, Tripeptide
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1 ช้อนตวง (1 ช้อน = 3,500 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 28 วัน (1 กระปุกมี 100,000 มิลลิกรัม)
- ราคา : 399 บาท
- Collagen from : Japan
- Logo :
- Slogan : ผิวสวยกระจ่างใส ยอดขายอันดับ 1
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Vida Collagen
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Vida Collagen
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Vida Collagen
10. Boom Collagen Plus
คอลลาเจน บูม Collagen Plus มีส่วนประกอบของคอลลาเจนเปปไทด์และไตรเปปไทด์ที่สกัดได้จากเกล็ดปลาน้ำจืด เสริมคุณค่าด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ และส่วนผสมที่คัดสรรมาจากทั่วทุกมุมโลก มากถึง 36 ชนิด อาทิ สารสกัดจากเมล่อนฝรั่งเศส, ส้มสีเลือดอิตาลี, สารสกัดจากผลทับทิมประเทศสเปน เป็นต้น ซึ่งสารสกัดเหล่านี้ช่วยเสริมการทำงานของคอลลาเจน ช่วยบำรุงผิวพรรณและร่างกายได้ตั้งแต่เส้นผมจรดเล็บเท้า ดูแลได้ทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งพกพาสะดวกในรูปแบบซอง รับประทานง่ายเพราะมีรสชาติที่อร่อย
- ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
- ชนิดของคอลลาเจน : Peptide, Tripeptide
- ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1 – 4 ซอง (1 ซอง = 140,000 มิลลิกรัม)
- จำนวนการรับประทาน : 3 – 14 วัน (1 กล่องบรรจุ 14 ซอง)
- ราคา : 790 บาท
- Collagen from : Japan
- Logo :
- Slogan : ดูแลตั้งแต่เส้นผมจรดเล็บเท้า
ข้อมูลเพิ่มเติมของคอลลาเจน Boom
อ่านรีวิวฉบับเต็ม : รีวิวคอลลาเจน Boom
ดูรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : รูปชงคอลลาเจน Boom
คอลลาเจน คืออะไร?
คอลลาเจน คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่ลักษณะเป็นเส้นใยโปรตีนที่แข็งแรง ทนทาน และเหนียวแน่นสูง สามารถพบได้มากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั่วร่างกาย โดยจะอยู่ตามโครงสร้างเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของทั้งคนและสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ข้อต่อ กระดูก กระดูกอ่อน ขน เส้นผม กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือหลอดเลือด เป็นต้น
องค์ประกอบหน่วยย่อยของคอลลาเจน คือ กรดอะมิโนไกลซีน (glycine) โพรลีน (proline) และไฮดรอกซีโพรลีน (hydroxyproline) เมื่อกรดอะมิโนทั้ง 3 สาย มารวมตัวกันแบบ triple-helix ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของคอลลาเจน เรียกว่า โทโพคอลลาเจน (topocollagen subunit) ก็จะกลายเป็นโครงสร้างของคอลลาเจนนั่นเอง
คอลลาเจนทำหน้าที่เป็นทั้งโครงสร้างและกาวที่ยึดเกาะ เพื่อสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเซลล์และเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ซ่อมแซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยในการการสื่อสารระหว่างเซลล์ด้วย
เราสามารถพบชนิดของคอลลาเจนได้ถึง 28 ชนิด แต่ชนิดที่มากที่สุดในร่างกายโดยคิดเป็นร้อยละ 80 – 90 % เลยก็คือคอลลาเจนชนิดที่ 1, 2, 3, 5 และ 10 ซึ่งแต่ละชนิดมีหน้าที่และโครงสร้างแตกต่างกันออกไปดังนี้
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) : ถือว่าเป็นคอลาเจนที่พบได้มากที่สุดในร่างกายโดยพบได้มากถึง 90 % เราสามารถพบคอลลาเจนชนิดนี้ได้ตามใต้ชั้นผิวหนังชั้นล่าง (dermis) , เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น ป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด การสมานแผล เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) : เป็นคอลลาเจนที่พบได้มากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น ชะลอการเสื่อมสภาพ ลดอาการเจ็บปวด ของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ทำให้คอลลาเจนชนิดนี้เป็นคอลลาเจนที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
- คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) : คอลลาเจนชนิดนี้พบได้มากบริเวณในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือดเช่นเดียวกับคอลลาเจนประเภทที่ 1 แต่น้อยกว่า โดยคิดเป็น 10 % ของสัดส่วน
- คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) : สามารถพบได้ในบริเวณกระจกตา ใต้ชั้นผิวหนัง ในเนื้อเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ ในครรภ์
- คอลลาเจนชนิดที่ 10 (Collagen Type X) : คอลลาเจนชนิดนี้สามารถพบได้ตามกระดูกและข้อต่อ
จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญในร่างกายเราที่ขาดไม่ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของเรานั้นสามารถสร้างคอลลาเจนได้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อไหร่ที่เรามีอายุที่มากขึ้น คอลลาเจนก็จะยิ่งสร้างน้อยลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจนด้วย เมื่อเราขาดคอลลาเจนผิวของเราก็จะเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย เกิดปัญหาตามผิว กระดูกและข้อต่อตามมา ดังนั้นการเสริมคอลลาเจนจึงมีส่วนสำคัญในการชะลอปัญหาเหล่านี้
อ้างอิง :
- What is collagen, and why do people use it?. https://www.medicalnewstoday.com/articles/262881
- What Is Collagen, and What Is It Good For?. https://www.healthline.com/nutrition/collagen#what-it-is-and-uses
- The 5 Common Types of Collagen. https://cbsupplements.com/cc/what-are-5-types-of-collagen/
- What Happens to Collagen as We Age. https://vibrancemedspa.com/what-happens-to-collagen-as-we-age/
กินคอลลาเจนแล้วได้อะไร?
หลังจากที่เราทราบว่า คอลลาเจนคืออะไร และ วิธีเลือกคอลลาเจนผิวขาว ไปแล้ว เราลองมาดูกันดีกว่าว่าคอลลาเจนกินแล้วได้อะไรบ้าง ปัจจุบันถ้าพูดถึงคอลลาเจนน่าจะเป็นอาหารเสริมที่เป็นที่นิยมของสาว ๆ หลายคนเลยทีเดียว เพราะมีตัวเลือกให้เลือกกันอย่างหลากหลาย ทานง่าย ทั้งแบบผง แบบน้ำ และแบบเจลลี่ ถูกใจสาว ๆ เป็นอย่างดี เพราะผลิตภัณฑ์คอลลาเจนส่วนใหญ่จะช่วยบำรุงทำให้ผิวสวยสุขภาพดี แต่เชื่อว่าหลายคนคงยังไม่รู้ว่าคอลลาเจนนอกจากช่วยเรื่องบำรุงผิวแล้วนั้นยังมีบทบาทสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร
แม้ว่าธรรมชาติร่างกายของเราสามารถผลิตคอลลาเจนได้เองหรือได้จากการรับประทานอาหารในแต่ละวัน แต่ก็มีคอลลาเจนบางประเภทเท่านั้นที่ร่างกายสามารถย่อยและดูดซับไปใช้งานได้ ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะเริ่มสูญเสียและผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ในขณะที่ร่างกายยังต้องการคอลลาเจนในปริมาณเท่าเดิม ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เพียงพอ จึงอาจต้องทานเสริมด้วย ลองมาดูกันว่าหากกินคอลลาเจนแล้วจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
1. บำรุงและป้องกันสุขภาพผิว
ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราอายุเยอะขึ้นแล้วผิวของเราจะหมองคล้ำและมีรอยเหี่ยวย่นมากขึ้น เพราะการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติของเราจะลดลง และยังถูกรบกวนด้วยมลภาวะสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด แอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือความเครียด ทำให้เส้นผม ผิวหนัง ฟันและเล็บเสื่อมสภาพ แต่การรับประทานคอลลาเจนจะสามารถช่วยคงความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอย บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดผมขาดหลุดร่วง บำรุงเล็บไม่ให้เปราะฉีกหักง่าย ช่วยให้ผิวกระชับและเต่งตึง แถมยังบำรุงผิวของเราให้ดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย
2. บำรุงข้อต่อและกระดูก
ข้อต่อในร่างกายประกอบด้วยกระดูกอ่อนซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยคอลลาเจนมีส่วนช่วยทำให้ยืดหยุ่นได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราได้ยินเสียงกร๊อบ ๆ แกร๊บ ๆ หลังขยับตัวแล้วล่ะก็ นั่นเป็นสัญญาณของร่างกายที่ผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงและมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาเช่นปวดข้อหรือข้อเสื่อมเนื่องจากกระดูกอ่อนสึก ดังนั้นการทานคอลลาเจนเสริมก็มีส่วนช่วยป้องกันปัญหาเส้นเอ็น ข้อต่อและกระดูก ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน จากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่าการรับประทานคอลลาเจนสามารถช่วยลดอาการปวดข้อของนักกีฬา ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคข้อเสื่อมได้
3. สุขภาพลำไส้ ย่อยอาหารได้ดีขึ้น
ในคอลลาเจนมีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ไกลซีน (Glycine) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อปัญหาในลำไส้ สามารถช่วยลดการอักเสบโดยการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ช่วยปกป้องเยื่อเมือกในลำไส้ ไกลซีนถูกใช้เพื่อจัดการกับอาการลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผลหรือโรคลำไส้อักเสบ เนื่องจากมีผลในการป้องกันการดูดซึมในลำไส้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการป้องกันลำไส้เล็กในระหว่างการบาดเจ็บ ช่วยเพิ่มการดูดซึมฟรุกโตส และช่วยย่อยอาหารได้ดีขึ้น
4. สุขภาพหัวใจ
คอลลาเจนเป็นโครงสร้างของหลอดเลือดแดง หากคอลลาเจนมีไม่เพียงพอ หลอดเลือดแดงอาจอ่อนแอและเปราะบาง ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดตีบตัน อาการหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองได้ จากการทดลองรับประทานคอลลาเจนทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าความแข็งของหลอดเลือดลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับก่อนที่จะเริ่มรับประทาน
5. ช่วยให้นอนหลับดีขึ้นและทำให้อารมณ์ดี
การรับประทานคอลลาเจนก่อนนอนจะช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ เพราะในคอลลาเจนจะมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า ไกลซีน ซึ่งช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ ส่งเสริมการนอนหลับ หากคุณง่วงนอนในระหว่างวันหรือมีปัญหาในการนอนตอนกลางคืน ควรลองทานคอลลาเจนก่อนนอนดู เพราะการนอนหลับที่ดีจะส่งผลดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย
จะเห็นได้ว่าการรับประทานทานคอลลาเจนมีผลดีต่อสุขภาพจริง ๆ ทั้งในเรื่องของผิวพรรณ ผม เล็บ ช่วยให้เราอ่อนเยาว์ด้วยการต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ผมร่วงและเล็บฉีก สำหรับอาการปวดข้อและเอ็นหรือข้อเสื่อม ช่วยทำให้ข้อต่อและกระดูกแข็งแรงขึ้นได้หากรับประทานอย่างต่อเนื่อง ช่วยป้องกันปัญหาในลำไส้และซ่อมแซมอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องการนอนหลับที่จะส่งผลต่อสมองและอารมณ์ คอลลาเจนสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพได้ตลอดจนการทำงานอื่นในร่างกาย อย่างไรก็ตามในการรับประทานคอลลาเจนให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดก็ควรรับประทานควบคู่ไปกับการกินอาหาร รวมไปถึงการดื่มน้ำ พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนและดูดซึมนำไปใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ และรับประทานอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันคอลลาเจนนั้นสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปอย่างเซเว่น ซึ่งดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความแนะนำคอลลาเจนในเซเว่นหรือดูได้ในบทความคอลลาเจนยอดนิยมในวัตสันก็มีให้เลือกมากมายหลายแบรนด์
อ้างอิง
- Potential Health Benefits of Collagen. https://www.everydayhealth.com/skin-beauty/potential-health-benefits-of-collagen-and-thing-it-cant-do/
- Benefits of Collagen That Will Change Your Perspective. https://bluebirdprovisions.co/blogs/news/benefits-collagen
- Everything You Should Know About Collagen Peptides. https://health.clevelandclinic.org/what-do-collagen-peptides-do/
วิธีกินคอลลาเจนให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
คอลลาเจน อาหารเสริมที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณและกระดูก ซึ่งอย่างที่หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่ายิ่งอายุมากขึ้นความสามารถในการผลิตคอลลาเจนในร่างกายก็จะลดลง ฉะนั้นแล้วผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้มีความกระจ่างใส ไร้ริ้วรอยก่อนวัย หรือต้องการบำรุงกระดูก จึงหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนมากิน เมื่อรู้ว่า คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี แล้ว แต่หลายคนก็อาจจะมีข้อสงสัยว่าคอลลาเจนกินยังไง? ต้องกินแบบไหนถึงจะเห็นผลไวที่สุด วันนี้เรามาดูกันว่าวิธีกินคอลลาเจนให้เห็นผลต้องกินอย่างไรบ้าง
1. กินในขณะที่ท้องว่าง
ช่วงเวลาในการกินคอลลาเจนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรเลือกกินคอลลาเจนในขณะที่ท้องว่าง เนื่องจากหากคุณกินคอลลาเจนในขณะที่ท้องยังเต็มไปด้วยอาหาร ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารในอาหารก่อนทำให้คอลลาเจนถูกดูดซึมเข้าร่างกายน้อย ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็คือตอน ‘ก่อนนอน’ และ ‘หลังตื่นนอน’ เพราะเป็นช่วงที่ท้องยังว่างอยู่ อีกทั้งยังเป็นช่วงที่คอลลาเจนสามารถดูดซึมได้โดยไม่ถูกกรดในกระเพาะอาหารทำลายอีกด้วย
2. เลือกกินคอลลาเจนจากปลา
คอลลาเจนในปัจจุบันมีทั้งจากปลาและจากวัว ซึ่งทั้งสองประเภทนี้ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่สกัดจากแหล่งที่แตกต่างกัน การเลือกคอลลาเจนจากปลาที่มีสายโซ่ที่เล็กกว่ามากทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเลือกคอลลาเจนจากปลาประเภทไดเปปไทด์ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมากที่สุดจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่เซลล์ผิวหนังได้ทันที
3. กินคอลลาเจนคู่กับวิตามินซี
หลายคนคงเคยได้ยินว่าควรกินคอลลาเจนคู่กับวิตามินซีเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งมันก็เป็นความจริงในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าวิตามินซีสามารถช่วยเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมหรือบำรุงผิวที่ถูกทำลายได้ และวิตามินซียังมีส่วนช่วยในกระบวนการดูดซึมอีกด้วย ดังนั้นแล้วมันจึงมีแนวโน้มที่จะทำงานร่วมกันกับคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
อาหารเสริมคอลลาเจนและสารสกัดต่าง ๆ ต้องการน้ำเพื่อช่วยในการละลาย การดื่มน้ำให้มากพอยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของคอลลาเจนได้อีกด้วย โดยสถาบันวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการแพทย์แห่งชาติสหรัฐอเมริการะบุว่าปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวันสำหรับผู้หญิงคือ 2.7 ลิตรต่อวัน ส่วนผู้ชายควรดื่มน้ำ 3.7 ลิตรต่อวัน
5. กินคอลลาเจนให้ได้ปริมาณที่ร่างกายต้องการ
ปริมาณคอลลาเจนที่คุณควรกิน อันดับแรกให้มองหาปริมาณกรัมของคอลลาเจนต่อหน่วยบริโภคที่อยู่บนฉลาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแต่ละแบรนด์ไม่ได้ผลิตออกมาเหมือนกันหมด บางแบรนด์อาจมีตั้งแต่ 2,500-10,000 มิลลิกรัมต่อหน่วยบริโภค ซึ่งปริมาณคอลลาเจนที่คุณควรกินนั้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่คุณต้องการ เช่น 2,500-10,000 มิลลิกรัมต่อวันมีส่วนช่วยในการดูแลผิว หรือ 15,000-20,000 มิลลิกรัมต่อวันมีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อ
อ้างอิง
- How To Take Collagen Supplements. https://editorial.victoriahealth.com/how-to-take-collagen-supplements
- How Much Collagen Should You Take Per Day?. https://www.mindbodygreen.com/articles/how-much-collagen-per-day
- How much should you drink every day?. https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/water/art-20044256
อย่างที่เห็นแล้วว่า คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี นอกจจากนี้จะเห็นได้ว่าการกินคอลลาเจนไม่ได้ช่วยแค่เรื่องการบำรุงผิวได้อย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันยังสามารถช่วยบำรุงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้อีกด้วย ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นการเลือกอาหารเสริมคอลลาเจนก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในระดับหนึ่งเลย ที่สำคัญอย่าลืมเลือกกินคอลลาเจนที่ได้รับการรับรองจาก อย. และผู้ที่ตั้งครรภ์หรือแพ้อาหารทะเลควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินคอลลาเจนเพื่อความปลอดภัย