คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ดีต่อสุขภาพอย่างไรบทความนี้มีคำตอบ

คอลลาเจนไตรเปปไทด์

Table of Contents

คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ดีต่อสุขภาพอย่างไรบทความนี้มีคำตอบ

ในปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพนั้นมาแรงเป็นอย่างมาก เห็นได้จากผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีออกมาจำหน่ายกันอย่างมากมาย และยิ่งถ้าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความงามแล้วล่ะก็ เราเชื่อว่าหลายคนคงไม่มีใครไม่รู้จักผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนแน่นอน โดยจะเห็นคอลลาเจนวางขายในวัตสันหรือตามร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ  แต่ถ้าถามลึกลงไปว่าอาหารเสริมคอลลาเจนที่เป็น “คอลลาเจนไตรเปปไทด์” นั้นคืออะไรและมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพอย่างไรกับร่างกาย เชื่อว่าคงมีอีกหลายคนคงที่ยังไม่รู้ ดังนั้น บทความนี้จะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับคอลลาเจนไตรเปปไทด์ให้มากขึ้น


คอลลาเจนไตรเปปไทด์ คืออะไร

คอลลาเจนไตรเปปไทด์

ประเภทคอลลาเจนในรูปแบบของอาหารเสริมแบ่งได้ 3 ประเภท ซึ่งจะมีคอลลาเจนเปปไทด์ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ และคอลลาเจนไดเปปไทด์ ทั้งนี้ คอลลาเจนทั้ง 3 ประเภท มีคุณสมบัติไม่แตกต่างกันมากในเรื่องของการบำรุงสุขภาพหรือผิวพรรณ แต่จะแตกต่างในเรื่องของขนาดโมเลกุล และการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “คอลลาเจนไตรเปปไทด์” กัน

คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide) เป็นคอลลาเจนชนิดหนึ่งที่มีอนุภาคขนาดเล็กมากกว่าคอลลาเจนทั่วไป มีขนาดของโมเลกุล 1,500 ดาลตัน ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ปานกลาง เป็นคอลลาเจนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนเรียงเชื่อมกัน 3 ตัว ด้วยขนาดโมเลกุลที่เล็ก โดยผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ (Hydrolyze) ทำให้คอลลาเจนไตรเปปไทด์มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี ดูดซึมและย่อยได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดี ก็หมายความว่าเราก็จะได้รับประโยชน์จากคอลลาเจนมากที่สุดเช่นกัน


ประโยชน์ของคอลลาเจนที่ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องผิว

คอลลาเจนไตรเปปไทด์

การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่คนในยุคนี้ให้ความสำคัญและมาแรงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสุขภาพของความสวย ความงาม ที่ใครหลายๆ คนต่างหาตัวช่วย ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารเสริมหรือครีมบำรุงผิวต่างๆ แต่ด้วยยุคนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบจึงทำให้หลายๆ คนไม่มีเวลาดูแลสุขภาพร่างกาย และอากาศของประเทศไทยก็ทำร้ายผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระหรือจุดด่างดำ ริ้วรอยต่างๆ ทำให้ผิวเสื่อมสภาพลงก่อนวัยอันควร ผิวดูไม่เต่งตึงสดใส 

อาหารเสริมอย่างคอลลาเจนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้ ด้วยคุณประโยชน์และผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด หาซื้อทานได้ง่าย สะดวกรวดเร็วเหมาะกับชีวิตที่เร่งรีบแต่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองเป็นอย่างยิ่ง คอลลาเจนจึงตอบโจทย์มากๆ กับหนุ่มสาวในยุคนี้ แต่รู้หรือไม่ว่าคอลลาเจนไม่ได้มีดีแค่การบำรุงผิวพรรณของเราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ลองมาดูประโยชน์อื่นๆ ของคอลลาเจนไตรเปปไทด์กันดู

  • มีคุณประโยชน์ต่อผิวพรรณ 

จากมลภาวะต่างๆ เมื่อเราต้องใช้ชีวิตข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน แสงแดดที่แรงมากๆ หรือการที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานานจนเกิดการอับชื้น เป็นการทำลายผิวหน้าของเราได้โดยตรง คอลลาเจนไตรเปปไทด์จึงมีส่วนช่วยลดรอยหมองคล้ำ เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวพรรณ ทำให้ผิวแลดูสดใสมากยิ่งขึ้น ปัญหาสิวและรอยสิวดูลดลง ช่วยฟื้นฟูสภาพของเซลล์ผิวที่แห้งกร้านให้กลับมามีความชุ่มชื้นอีกครั้งหนึ่ง

  • มีคุณประโยชน์ต่อกระดูกช่วยให้กระดูกแข็งแรง

คอลลาเจนไตรเปปไทด์ดีต่อผิวพรรณแล้วยังดีต่อกระดูกและเอ็นอีกด้วย ในกระดูกจะมีส่วนที่เป็นข้อต่อไม่ว่าจะเป็นข้อต่อหัวเข่า ข้อศอก ข้อมือนั้นมีของเหลวที่ประกอบด้วยคอลลาเจนหล่อเลี้ยง รวมถึงเอ็นในร่างกายก็เช่นกัน เมื่อหลายปัจจัยทั้งอายุที่เพิ่มขึ้น วิถีการใช้ชีวิตของคนยุคนี้ ทำให้การผลิตคอลลาเจนลดน้อยลงจึงมีปัญหาตามกระดูกข้อต่อต่างๆ ของร่างกายตามมา ทำให้มีการปวดเมื่อยเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องตัว คอลลาเจนไตรเปปไทด์มีส่วนช่วยเสริมกระดูกข้อต่อและเอ็นให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

  • ปกป้องผิวจากแสงแดด

ในแสงแดดนั้นมีทั้งรังสี UVA และ UVB ที่คอยทำร้ายผิวของเรา คอลลาเจนไตรเปปไทด์จึงมีส่วนช่วยในการบำรุงฟื้นฟูผิวจากแสงแดด ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาผิวเช่น คอลลาเจนช่วยลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ หรือฟื้นฟูผิวหมองคล้ำได้ เป็นต้น

  • ประโยชน์ต่อเส้นผมและเล็บ

เมื่อร่างกายมีคอลลาเจนที่เพียงพอก็ทำให้หนังศีรษะแข็งแรง ปัญหาผมขาดหลุดร่วงหรือผมแตกปลายก็จะน้อยลงไปด้วย ทำให้ผมของคุณดูสวยสุขภาพดี และคอลลาเจนไตรเปปไทด์ยังช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรง ไม่แตก หัก เปราะง่าย สีเล็บแลดูสุขภาพดี 

  • คอลลาเจนดีต่อสุขภาพ

คอลลาเจนนั้นดีต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม มีส่วนช่วยในการบำรุงสุขภาพหัวใจ ดีต่อระบบลำไส้โดยช่วยให้ระบบลำไส้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น รวมไปถึงคอลลาเจนช่วยลดความอ้วนได้อย่างมีนัยยะสำคัญด้วย

ร่างกายขาดคอลลาเจนนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่ยังกระทบไปถึงสุขภาพของร่างกายด้วย อีกทั้งประโยชน์ของคอลลาเจนไตรเปปไทด์นั้นก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องผิวพรรณเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยบรรเทาอาการปวดข้อต่อ เจ็บเข่า ปวดหลัง และปวดเอว ผมร่วงที่อาจเกิดจากการขาดคอลลาเจน หากคุณกำลังมีปัญหาเหล่านี้อยู่ลองให้คอลลาเจนไตรเปปไทด์เป็นตัวช่วยดูสิ


คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ต่างกับคอลลาเจนไดเปปไทด์ และคอลลาเจนเปปไทด์ อย่างไร

คอลลาเจนไตรเปปไทด์

ก่อนจะกล่าวถึงความแตกต่างของคอลลาเจนทั้ง 3 ประเภทนี้ เรามาทำความรู้จักคอลลาเจนกันดีกว่าว่าคอลลาเจนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง และมีความสำคัญอย่างไรกับร่างกายของเรา

คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนที่สำคัญของร่างกายเพราะเป็นโครงสร้างหลักของเนื้อเยื่อ และคอลลาเจนเป็นเส้นใยโปรตีนมีมากถึง 1 ใน 3 ส่วนของร่างกายมนุษย์ และส่วนใหญ่จะพบคอลลาเจนในร่างกายบริเวณกระดูกอ่อน เอ็น เอ็นกล้ามเนื้อ และผิวหนัง หรือพบได้ในอาหาร เช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ไข่ไก่ และปลา เป็นต้น

คอลลาเจนมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้จัดการและป้องกันการเกิดปัญหาอย่าง ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย และรังสียูวีที่ทำลายผิว เป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพอีกด้วย คอลลาเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกาย ดังนั้นเราควรเติมเต็มคอลลาเจนที่สูญเสียไปในแต่ละวัน แต่คอลลาเจนเป็นโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถดูดซึมเข้าสู่เซลล์ผิวได้ยาก จึงต้องผ่านกระบวนการเพื่อทำให้มีการดูดซึมได้ง่าย โดยมาในรูปแบบของคอลลาเจนเปปไทด์ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ คอลลาเจนไดเปปไทด์ ซึ่งคอลลาเจนทั้งหมดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรมาดูกัน

  • คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen peptide) มีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ถึง 2,000 ดาลตัน ทำให้มีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ช้าที่สุด เป็นคอลลาเจนชนิดแกรนูล ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส สามารถทานได้ง่าย และคอลลาเจนเปปไทด์เป็นคอลลาเจนที่ได้จากการสกัดให้อยู่ในรูปของสายกรดอะมิโนที่สั้นลง คือนำไปย่อยสลายด้วย hydrolysis ทำให้โมเลกุลมีขนาดเล็กลง
  • คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Collagen tripeptide) มีขนาดโมเลกุลประมาณ 1,500 ดาลตัน มีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ปานกลาง คอลลาเจนไตรเปปไทด์เป็นคอลลาเจนที่ผ่านการย่อยด้วยกรดให้มีขนาดเล็กลง โดยกระบวนการที่เรียกว่า ไฮโดรไลเซตคอลลาเจน (hydrolyzed collagen) ทำให้คอลลาเจนไตรเปปไทด์มีคุณสมบัติที่ละลายน้ำได้ดีและมีการดูดซึมที่ดีมากยิ่งขึ้น
  • คอลลาเจนไดเปปไทด์ (Collagen dipeptide) เป็นคอลลาเจนที่มีขนาดเล็กที่สุดแค่ 200 ดาลตันเท่านั้น ทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็วที่สุด และละลายน้ำได้ดีมาก ด้วยขนาดโมเลกุลที่เล็กมาก ทำให้ไม่จำเป็นต้องถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร และร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนไดเปปไทด์เข้าสู่ผิวโดยตรง เห็นผลจากการซ่อมแซมกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี

       ผลสรุปของคอลลาเจนทั้งหมดทั้ง 3 ประเภทนี้ มีความแตกต่างในเรื่อง “ขนาดของโมเลกุล” และประสิทธิภาพของ “การดูดซึม” เข้าสู่ร่างกายของเรานั่นเอง ขนาดของโมเลกุลจะบอกถึงความช้าและความเร็วในการดูดซึม ยิ่งมีโมเลกุลขนาดเล็กมากเท่าไหร่ ร่างกายจะดูดซึมได้ไวมากเท่านั้น โมเลกุลขนาดเล็กก็จะลดกระบวนการย่อยสลายการทำงานต่างๆ ระหว่างคอลลาเจนในร่างกายให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ฉะนั้น คอลลาเจนที่มีการดูดซึมได้ดีที่สุดก็คือ คอลลาเจนไดเปปไทด์ ตามด้วยคอลลาเจนไตรเปปไทด์ และคอลลาเจนเปปไทด์ตามลำดับ


เหตุใดจึงทานคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผล

นี่เป็นสิ่งที่หลายๆ คนคงสงสัย ว่าเหตุใดจึงทานคอลลาเจนแล้วไม่เห็นผล นั่นก็อาจจะเป็นเพราะการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนในร่างกาย มลภาวะในแต่ละวันที่ต้องเผชิญ ทั้งแสงแดด ฮอร์โมน ความเครียด หรืออาหารที่ทำลายเซลล์ผิวอย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีนจากชาหรือกาแฟ สภาพแวดล้อมที่ไม่ดีย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ การรับประทานคอลลาเจนไม่ต่อเนื่อง การดำเนินชีวิตประจำวัน และการทานคอลลาเจนแบบผิดวิธีทำให้ร่างกายไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลง


วิธีกิน คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ให้ได้ผล

คอลลาเจนไตรเปปไทด์

เวลาในการเลือกทานคอลลาเจนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรเลือกทานในช่วงเวลาที่ร่างกายมีสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดี และทานในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ทำให้ไม่เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรเลือกทานเวลาไหน และในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ในวันนี้เราจะมารวบรวมการทานคอลลาเจนไตรเปปไทด์ให้ได้ผลกัน

1.หลีกเลี่ยงมลภาวะที่ทำร้ายร่างกาย

การหลีกเลี่ยงจากความเครียดและมลภาวะ ฝุ่น ควัน ความเครียด ที่กระตุ้นร่างกายให้สร้างสารอนุมูลอิสระ ทำให้ร่ายกายดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ การทานคอลลาเจนเสริมต้องดูแลควบคู่กันทั้งจากภายในและภายนอกด้วย เช่น หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดที่เต็มไปด้วยรังสี UVA และ UVB ที่เป็นตัวการทำลายผิว ใช้ครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และเติมน้ำให้ผิวด้วยการดื่มน้ำอยู่เสมอ ที่สำคัญควรจะหาที่ผ่อนคลาย อาจจะไปเดินเล่น หรือไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เมื่อสุขภาพจิตดีสุขภาพกายที่ดีก็จะตามมา

2.ทานช่วงเวลาไหนถึงเห็นผลลัพธ์ที่ดี

ช่วงเวลาที่ท้องว่าเป็นช่วงเวลาที่ควรทานคอลลาเจนมากที่สุด อย่างในเวลาตื่นนอนตอนเช้า และช่วงเวลาที่ไม่ได้รับประทานอาหารก่อนหรือหลังประมาณ 3-4 ชั่วโมง จะดีที่สุด เพราะคอลลาเจนจะมีการดูดซึมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดในช่วงเวลานี้ และจะไม่ถูกย่อยด้วยกรดในกระเพาะอาหารไปเสียก่อน นอกเหนือจากเวลาดังกล่าวที่สามารถทานคอลลาเจนไตรเปปไทด์แล้วได้ผลก็คือ ในช่วงเวลาท้องว่างตอนก่อนนอน ยิ่งทานในช่วงเวลานี้จะทำให้เห็นผลได้ชัดมาก เพราะขณะที่กำลังหลับพักผ่อน ร่างกายก็จะได้รับการพักผ่อนไปด้วย ทำให้ระบบในร่างกายต่างๆ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอจากสารอาหารที่เราได้รับประทาน รวมถึงการรับประทานคอลลาเจนเข้าไปด้วยเช่นกัน

3.ปริมาณที่เหมาะสมในการทานคอลลาเจนไตรเปปไทด์

       ควรทานเลือกทานในปริมาณที่องค์การอาหารและยา แนะนำให้รับประทานในปริมาณ 5-7 กรัม หรือ 5,000 – 7,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยไม่ควรรับประทานเกิน 10 กรัม หรือ 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน อีกข้อควรระวังของการทานคอลลาเจน คือ อาการแพ้ เพราะในคอลลาเจนจะมีการแต่งสี แต่งกลิ่น แต่งรสชาติให้น่ารับประทาน อาจเป็นอันตรายสำหรับร่างกายได้ และผู้ที่มีประวัติต่อการแพ้โปรตีน แพ้อาหารทะเล หรือผู้ป่วยที่มีโรคไม่ควรรับประทานคอลลาเจน เช่น โรคไต โรคไวรัสตับ โรคลิ่มเลือดหัวใจ โรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานคอลลาเจนหรืออาหารเสริมทุกชนิด

4.ผลของการขาดคอลลาเจนและผลของการทานที่มากเกินไป

ถ้าคอลลาเจนในร่างกายที่มีน้อยมากเกินไปหรือคอลลาเจนเริ่มลดลงตามอายุที่มากขึ้น ก็จะเกิดปัญหาในเรื่องของผิวพรรณ ริ้วรอยเหยี่ยวย่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหนังเริ่มไม่เต่งตึงตามมา แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่ธรรมชาติมากๆ แต่เราสามารถชะลอปัญหาเหล่านี้ด้วยการเติมเต็มคอลลาเจนให้แก่ร่างกาย นอกจากผิวพรรณเริ่มไม่เต่งตึงแล้ว การขาดคอลลาเจนก็ทำให้แผลสมานตัวได้ช้าอีกด้วย เพราะคอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญของเนื้อเยื่อทำให้เกิดการแผลสมานตัวได้ช้าลง สุขภาพผมและเล็บก็จะเริ่มไม่แข็ง ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย แห้งกร้าน แตกปลาย และชี้ฟู เล็บฉีก เปราะบาง แตกหักได้ง่าย กระดูกข้อต่อจะเริ่มไม่แข็ง เพราะเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนทำให้รู้สึกปวดตรงบริเวณข้อต่อ เสี่ยงต่อโรคข้อเสื่อมอีกด้วย

การทานคอลลาเจนควรทานแต่พอเหมาะพอดี รับประทานตามที่องค์การอาหารและยาแนะนำหรือฉลากระบุได้ไว้ ไม่รับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานจนเกินไป  เพราะปริมาณจะเกินขนาดที่ร่างกายควรได้รับ อาจจะตกค้างในร่างกายก่อให้เกิดโรคตามมาได้ และยังเสี่ยงต่อการแพ้อีกด้วย 


จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนไตรเปปไทด์ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจรับประทาน ถึงอย่างไรก็ตามควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานผักผลไม้เพิ่มกากใยอาหาร เพราะคอลลาเจนเป็นเพียงอาหารเสริมเท่านั้น แต่เรายังต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำและออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้สุขภาพที่ดีอยู่กับเราไปนานๆ


แหล่งที่มา : 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ประโยชน์ของเจลาติน มีอะไรบ้าง ครอบคลุมส่วนไหน
สาระความรู้
ประโยชน์ของเจลาติน มีอะไรบ้าง ครอบคลุมส่วนไหน

เคยสงสัยไหมว่า เวลาพูดถึงคอลลาเจน ทำไมมีเจลาตินเข้ามาเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนา แล้วแท้จริง ประโยชน์ของเจลาติน นั้นมีอะไรบ้าง? ไปหาคำตอบด้วยกัน

อ่านต่อ
เจลาติน vs คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี?
สาระความรู้
เจลาติน vs คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี?

เจลาติน vs คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร ตั้งแต่กระบวนการผลิต จุดประสงค์ในการใช้งาน คุณสมบัติ ไปจนถึงแคลอรี ควรเลือกแบบไหนดี?

อ่านต่อ
เจลาตินคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร หาได้จากที่ไหน
สาระความรู้
เจลาตินคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร หาได้จากที่ไหน

เจลาตินคืออะไร ? คำตอบคือ โปรตีนที่ได้จากการสลายตัวของคอลลาเจน (ปรุงสุก) มีลักษณะหนืดคล้ายเจลหรือเยลลี่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี

อ่านต่อ
3 สัญญาณเข้าสู่วัยทอง ช่วงเวลาสำคัญที่คุณต้องรู้
สาระความรู้
3 สัญญาณเข้าสู่วัยทอง ช่วงเวลาสำคัญที่คุณต้องรู้

3 สัญญาณเข้าสู่วัยทอง วิธีการรับมือกับช่วงวัยที่ใกล้หมดประจำเดือน จะมีอะไรที่คุณควรรู้บ้างนั้น เรารวบรวมมาให้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ
เคล็ดลับบำรุงผิวเด็ก
สาระความรู้
เคล็ดลับบำรุงผิวเด็ก ดูแลผิวอย่างไร ถ้าไม่อยากให้แก่ไว 

เคล็ดลับบำรุงผิวเด็ก ถ้าไม่อยากให้แก่ไว คือ ทาครีมกันแดด นอนหลับอย่างมีคุณภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเสริมด้วยเคล็ดลับบำรุงผิว

อ่านต่อ
อาหารฟื้นฟูผิวแห้ง
สาระความรู้
15 อาหารฟื้นฟูผิวแห้ง พร้อมเทคนิคฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน

15 อาหารฟื้นฟูผิวแห้ง อุดมไปด้วยโปรตีน โอเมก้า 3 วิตามินบี 7 และวิตามินเอ พร้อมเทคนิคฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน สำหรับคนผิวแห้ง

อ่านต่อ