ผิวหมองคล้ำเกิดจากอะไร ? เคยสงสัยไหมว่าเมื่อเจอปัญหาผิวหมองคล้ำเมื่อไหร่กลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจทุกที ไหนจะสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ไหนจะเกิดการอุดตันใต้ชั้นผิวหนัง แถมยังกลายเป็นสาเหตุนำปัญหาผิวอื่น ๆ ทั้งฝ้า กระ จุดด่างตามมาอีกด้วย
สงสัยใช่ไหมว่าผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส เกิดจากอะไร ทำไมผิวถึงหมองคล้ำ? จะเป็นเพราะปัจจัยภายในหรือปัจจัยภายนอก หรือเกิดจากทั้งสองปัจจัย วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจให้มากขึ้น พร้อมวิธีลดปัญหาผิวหมองคล้ำง่าย ๆ มาฝาก
ผิวหมองคล้ำเกิดจากอะไร ? เข้าใจสาเหตุที่แท้จริง (ปัจจัยภายนอก)
ผิวหมองคล้ำเกิดจากอะไร ? ต้องบอกเลยว่าเกิดได้จาหลายสาเหตุเริ่มตั้งแต่ปัจจัยภายนอก ดังนี้
- แสงแดด
โดยทั่วไปเมื่อผิวโดนแสงแดดจะเริ่มคล้ำขึ้นภายในเวลาเพียง 60 วินาที เนื่องจากอิทธิพลจากรังสี UVA ที่มีฤทธิ์ก่อให้เกิดการออกซิเดชัน ส่งผลต่อการเพิ่มความเข้มข้นของเม็ดสีเมลานินที่มีอยู่แต่เดิม เพื่อดูดซับรังสี UV และขับอนุมูลอิสระที่เป็นผลมาจากกระบวนการดังกล่าวออกจากร่างกาย
แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างเม็ดสีเมลานินเป็นหนึ่งในกลไกทางธรรมชาติ โดยมีหน้าที่สำคัญในการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย ปกป้องผิวรังสี UV สนับสนุนกลไกความแข็งแรงของผิว และเปรียบเสมือนเกราะป้องกันโมเลกุลไอออนชั้นเยี่ยม (Chelating Properties) ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตราย แต่กรณีทีผิวสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไปอาจส่งผลให้สีผิวเข้มกว่าระดับปกติและนำมาซึ่งปัญหา เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ฯลฯ ได้
- สภาพอากาศ
อาจไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงแต่มีส่วนทำให้เกิดผิวแห้งซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุของผิวหมองคล้ำไม่สดใส สภาพอากาศที่มีผลต่อผิวแห้งกร้าน มีดังนี้
- อากาศร้อน ใช่แล้วอ่านไม่ผิดหรอก อากาศร้อนทำให้ผิวแห้งได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายหรือมีความผิดปกติทางพันธุกรรม ประกอบกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตทำให้ผิวเสีย เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มน้ำน้อย การอาบน้ำอุ่น การอยู่ในพื้นที่ร้อนจัด ฯลฯ ล้วนมีผลทำให้ผิวแห้งทั้งสิ้น
- อากาศเย็น พญ. ชนิกา กุลภัทราภา แพทย์ประจำศูนย์ผิวหนังและความงามโรงพยาบาลเวชธานี เผยว่า เมื่ออากาศหนาวความชื้นในอากาศลดลงหรือความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60% RH ร่างกายจะสูญเสียน้ำได้ง่ายกว่าปกติและขาดความชุ่มชื้น หากไม่ได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสมอาจส่งผลต่อสุขภาพผิวและพัฒนาเป็นปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ผิวหมองคล้ำ ผื่นแดงคัน ผิวอักเสบ ฯลฯ
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไม่เหมาะสม
กรณีที่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้ามากเกินไปหรือมีการใช้บางผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน อาจส่งผลทำให้ความสามารถของวิตามินบางชนิดลดลงหรือส่งผลเสียต่อผิวมากขึ้น กลายเป็นหนึ่งสาเหตุให้ผิวหมองคล้ำ ดังนี้
- กรดซาลิไซลิก ไม่ควรใช้คู่กับวิตามินซี ไฮโดรควิโนน และวิตามินซี เพราะจะมีผลต่อการลดประสิทธิภาพการทำงานของทั้งสามตัวที่กล่าวไป
- วิตามินซี ไม่ควรใช้คู่กับ Benzoyl Peroxide เนื่องจากมีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและมีผลเสียต่อผิวโดยตรง
- เรตินอล ไม่ควรใช้คู่กับวิตามินซี เนื่องจากทั้งสองตัวทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายใต้ค่า pH ที่ต่างกันโดยเรตินอลออกฤทธิ์ได้ดีในค่า pH 5.5 – 6 ในขณะที่วิตามินซีออกฤทธิ์ได้ดีที่ค่า pH น้อยกว่า 3 หากมีการใช้ร่วมกันจะมีส่วนทำให้ลดทอนประสิทธิภาพกันและกัน
- กรดซลิไซลิก ไม่ควรใช้คู่กับไกลโคลิก เนื่องด้วยคุณสมบัติของการผลัดเซลล์ผิวที่ใกล้เคียงกันหากยิ่งใช้ร่วมกันจะยิ่งส่งผลให้ผิวสูญเสียน้ำมากขึ้น
- วิตามินซี ไม่ควรใช้คู่กับ AHA เนื่องด้วยทั้งคู่มีความเป็นกรดค่อนข้างสูง หากใช้ร่วมกันอาจทำให้ให้ค่า pH ในผิวเสียสมดุลและเกิดการระคายเคือง
- การสูบบุหรี่
บุหรี่มีส่วนประกอบของสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิดและกว่าครึ่งเป็นอนุมูลอิสระที่มีผลต่อการทำลายผิวทั้งโดยตรงและทางอ้อม เริ่มตั้งแต่การทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินไปจนถึงผลกระทบจากเส้นเลือดตีบตันเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ส่งผลให้ผิวแห้งหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
แม้การดื่มน้ำไม่เพียงพอจะไม่มีผลกระทบโดยตรงเช่นเดียวกันกับสภาพอากาศ แต่ผลที่เกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอสามารถพัฒนากลายเป็นความหมองคล้ำได้ เช่น ความหย่อนคล้อย ริ้วรอยเหี่ยวย่น
ผิวหมองคล้ำเกิดจากอะไร ? ปัจจัยภายในที่คุณควรรู้
ถึงแม้ปัจจัยภายนอกจะมีส่วนในการกระตุ้นให้หน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรก็ไม่ขาว แต่ปัจจัยภายในก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะ 2 ปัจจัย นี้
- นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
มีส่วนทำให้การหลั่งฮอร์โมนโกรทฮอร์โมนมีประสิทธิภาพน้อยลง นั่นหมายความว่าเวลาที่ผิวต้องพบเจอกับมลภาวะ เช่น แสงแดด ฝุ่นควัน หรืออื่น ๆ ผิวไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ กลายเป็นต้นตอของผิวหมองคล้ำหน้าโทรมไม่สดใสตามมา
- อายุที่มากขึ้น
เมื่อคนเราอายุมากขึ้นความแข็งแรงของโครงสร้างผิวเริ่มอ่อนแอลง ผิวมีโอกาสถูกทำร้ายจากปัจจัยภายนอกมากขึ้น เช่น แสงแดดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจะกล่าวว่าอายุที่มากขึ้นมีผลต่อผิวที่หมองคล้ำก็ไม่ผิดเสียทีเดียว สำหรับปัญหาของแต่ละช่วงวัยที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก มีดังนี้
- อายุ 20 อัตราการสร้างเซลล์ผิวใหม่และอัตราการผลัดเซลล์ผิวเริ่มลดลงจากการเผชิญมลภาวะ
- อายุ 30 คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวหนังเริ่มเสื่อมลงพร้อม ๆ กับอัตราการสร้างผิวใหม่และการผลัดเซลล์ผิวลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ผิวเกิดความหมองคล้ำและตามมาด้วยริ้วรอยโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก แก้ม และคาง
- อายุ 40 ปัญหาใหญ่ที่สุดของวัยนี้คือการผลิตเกราะป้องกันผิวเริ่มลดลง กลายเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย เริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้น ผิวเกิดภาวะขาดน้ำ ไปจนถึงจุดด่างดำและความหมองคล้ำ
- อายุ 50 การผลิตเกราะป้องกันผิวลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยสังเกตได้จากสภาพผิวภายนอกที่ขาดความชุ่มชื้น เกิดความหย่อนคล้อย และระคายเคืองง่าย รวมถึงมีริ้วรอยร่องลึก ผิวขาดน้ำ และมีปัญหาการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป
เคล็ดลับดูแลและปกป้องผิว
หากเจอปัญหาผิวหมองคล้ำวิธีแก้หน้าหมองคล้ำ แบบธรรมชาติที่ดีที่สุดคือแก้จากต้นเหตุ
1. พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด และหมั่นมันทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 15 PA + + กรณีอยู่ในร่มหากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งและแดดแรง ควรเลือกค่า SPF 50 และทาในสัดส่วนที่เหมาะสม
- ใบหน้าและลำคอ 2.5 ข้อนิ้ว
- ลำตัว 14 ข้อนิ้ว
- แขนทั้งสองข้าง 6 ข้อนิ้ว
- มือสองข้าง 2 ข้อนิ้ว
- ขาและเท้า 2 ข้าง 16 ข้อนิ้ว
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับอายุผิวและปัญหาผิว
- ปัญหาผิว
- ปรับผิวให้กระจ่างใสหรือเพิ่มความสม่ำเสมอ ควรเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินบี 3 วิตามินซี และวิตามินอี
- เน้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของ BHA หรือ AHA
- เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid)
- อายุผิว
- 20 ปี ควรเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี วิตามินซี ชาเขียว โดยเลือกใช้ร่วมกับกรดผลไม้อย่าง AHA หรือ BHA ในการผลัดเซลล์ผิวแต่ไม่ควรใช้บ่อยเกินไป และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ครีมกันแดด
- 30 ปี หมั่นเติมคอลลาเจนและอีลาสติน แต่ทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถเติมเข้าสู่ผิวโดยตรงได้ต้องใช้วิธีการกระตุ้นจากการรับประทานอาหาร เช่น การทานโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมเสริมวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี หลีกเลี่ยงการทานหวานและดื่มน้ำให้เพียงพอ
- 40 ปี เน้นเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวโดยเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ กรดไฮยาลูโรนิก หรือมอยเจอร์ไรเซอร์อื่น ๆ
- 50 ปี ควรเลือกใช้ครีมที่เน้นเติมความชุ่มชื้นลดริ้วรอยร่องลึก และแก้ปัญหาการผลิตเม็ดเมลานินมากเกินไปด้วยการเติมสารแอนตี้ออกซิแดนท์ เพื่อชะลอผิวไม่ให้เสื่อมสภาพพร้อม ๆ กับการปรับพฤติกรรม ทั้งเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย การนอนหลับและการตรวจสุขภาพ
3. ดูแลผิวให้เหมาะกับสภาพอากาศ
- หน้าร้อน ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของสารสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แต่ควรหลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์และน้ำหอม
- หน้าหนาว ควรเน้นเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนประกอบของสารเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูโรนิก กลีเซอรีน โจโจ้บาออย เชียร์บัตเตอร์ โอลีฟออย พร้อม ๆ กับการปรับพฤติกรรม เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นและสบู่ล้างหน้า ห้ามถูหรือแกะผิวลอก
แนะนำอาหารเสริมสำหรับคนผิวหมองคล้ำ
นอกเหนือจากการดูแลผิวจากสาเหตุและการปรับพฤติกรรมแล้วยังมีอีกหนึ่งทางเลือกแก้หน้าหมองคล้ำเร่งด่วนที่ช่วยได้นั้นก็คือการเลือกรับประทานอาหารเสริมดูแลผิวให้สดใสไม่หมองคล้ำ ดังนี้
- น้ำมันปลา อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวและลดการอักเสบจากมลภาวะ
- วิตามินซีและวิตามินอี การกินวิตามินอีในปริมาณ 10 IU ต่อวัน ร่วมกับวิตามินซี (1,000 – 2,000 มิลลิกรัม) ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับทั้งวิตามินอีและวิตามินซีได้ดีขึ้น
- น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวให้สดใสเปล่งปลั่ง แต่ไม่ควรกินติดต่อกันเป็นเวลานาน และควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนกินเสมอ
- แอสตาแซนทีน มีคุณสมบัติช่วยบำรุงให้โครงสร้างผิวทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 12 mg
ผิวหมองคล้ำเกิดจากอะไร เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรู้แล้วว่ามันสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน เช่น อายุที่มากขึ้น แสงแดด การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ฯลฯ ดังนั้นวิธีบำรุงจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่การรับประทานอาหาร การทาครีมบำรุง การปรับพฤติกรรม ไปจนถึงการกินอาหารเสริมจึงจะแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและไม่กลับมาเป็นซ้ำ
แหล่งที่มา:
- ปัญหาหน้าหมองคล้ำ สาเหตุหลักและการรักษาให้ถูกจุด. https://www.pobpad.com/หน้าหมองคล้ำ-สาเหตุหลัก