เชื่อว่าทุกคนจะต้องคุ้นเคยกับชื่อของ เจลาติน ที่เป็นหนึ่งในประเภทโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่หลายคนคิด หากถามว่าคุณเคยรับประทานเจลาตินมาก่อนหรือไม่ คาดว่าทุกคนจะบอกว่าเคยรับประทานแน่นอน เนื่องจากในอาหารจำนวนมากมีการใส่เจลาตินเป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อให้ได้สัมผัสที่เคี้ยวหนุบปาก และยังได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น ในบทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักแบบเจาะลึกเกี่ยวกับเจลาติน และแนะนำ อาหารที่มีเจลาตินสูง ถ้าคุณกำลังสงสัยว่า ทำไมเจลาตินถึงเป็นโปรตีนที่กำลังถูกพูดถึงบ่อยในช่วงนี้ มีดียังไง และทำไมผู้คนถึงให้ความสนใจเจลาตินเป็นพิเศษ หากคุณพร้อม และอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเจลาตินที่นำมาฝากกันแล้ว ก็ไปติดตามเนื้อหาที่เตรียมมาไว้เพื่อคุณกันได้เลย
ประโยชน์ของเจลาตินต่อร่างกาย
เจลาติน มักจะเป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่มักใส่เพื่อให้ได้รสชาติ และสัมผัสที่โดดเด่นเฉพาะตัว แต่สิ่งที่น้อยคนนักที่จะรู้คือ เจลาตินคืออะไร ทํามาจากอะไร ประโยชน์ของมัน และเจลาตินต่างจากคอลลาเจนอย่างไร ลำดับแรกอยากจะพาคุณมารู้จักกับเจลาตินในประเภทต่าง ๆ กันเสียก่อน โดยทั่วไปแล้วเจลาตินจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. เจลาตินที่ทำมาจากสัตว์ 2. เจลาตินที่ทำมาจากพืช และประเภทสุดท้ายคือ เจลาตินที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา ลักษณะของเจลาตินจะเป็นโปรตีนคุณภาพต่ำ ทำให้ต้องนำเจลาตินมาผสมกับโปรตีนชนิดอื่น ๆ เพื่อให้สัมผัสที่รับประทานง่าย และเสริมประโยชน์ให้กับร่างกาย
เมื่อเข้าใจที่มาที่ไปของเจลาตินกันไปแล้ว ในส่วนนี้จะพุ่งความสนใจไปที่ประโยชน์ของเจลาตินที่หลายคนไม่รู้มาก่อน อย่างบทบาทของโปรตีนที่เข้ามาในร่างกาย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้กลับมาตื่นตัว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง และสดใสมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยทำให้ผมแข็งแรง ลดอัตราการหลุดร่วงได้เป็นอย่างดี
หรือจะในแง่ของการเพิ่มรสชาติ และทำให้ได้สัมผัสของอาหารที่นุ่มละมุนลิ้น เป็นหนึ่งในข้อดีของเจลาตินที่หลายคนรู้เกี่ยวกับเจลาติน หากเจาะไปในด้านที่เฉพาะทางขึ้นมาอย่างวงการแพทย์ที่ก็มีการนำเจลาตินมาประยุกต์ในการประสานระหว่างเม็ดยา และยาอม ให้รับประทานง่ายขึ้น ก็ใช้เจลาตินนี้นี่เองในการเป็นตัวเชื่อม เพื่อให้ทั้งเม็ดยา และยาอมอยู่ในรูปลักษณ์ที่พร้อมรับประทาน นี่เป็นเพียงบางประโยชน์ของเจลาตินเพียงเท่านั้น เพราะเจลาตินยังมีจุดเด่นอื่น ๆ และสามารถพลิกแพลงได้กับอีกหลายวงการ
8 อาหารที่มีเจลาตินสูง
ได้ทำความรู้จักกับเจลาตินไปแล้วว่าตัวเจลาตินทํามาจากอะไร และเจลาตินมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ในส่วนนี้จะเป็นการพูดถึงเมนูอาหารยอดนิยมเจลาตินสูงที่มีส่วนประกอบของเจลาตินอยู่เป็นจำนวนมาก ใครที่ชื่นชอบรสชาติ และสัมผัสจากเจลาติน รับรองว่าทั้ง 8 เมนูที่จะแนะนำดังต่อไปนี้ เป็นเมนูที่คุณไม่ควรพลาด
1. เยลลี่
หากพูดถึงเจลาติน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมนูแรกเริ่มที่หลาย ๆ คนจะต้องนึกถึง คงหนีไม่พ้นกับเยลลี่กันอย่างแน่นอน เพราะเยลลี่มีเจลาตินเป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อทำให้ขนมเยลลี่สามารถที่จะเซ็ตตัวได้นั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเวลาพูดถึงเจลาติน เมนูอาหารส่วนมากมักจะเป็นการนำมาเป็นส่วนผสมหลักของขนมเยลลี่ หรือเบเกอรี่กันอยู่เสมอ ๆ
นอกจาก จะใช้เจลาตินเพื่อทำให้เยลลี่ก่อเป็นรูปร่างแล้ว เจลาตินในเยลลี่ยังช่วยทำให้ขนมหวานประเภทนี้เคี้ยวสนุก ทานง่ายอีกด้วย ใครที่หลงใหลในสัมผัสของเจลาติน ขอแนะนำเยลลี่เลย แต่ข้อแนะนำคือการรับประทานแต่น้อย เพราะหากทานของหวานมากเกินไป อาจจะทำให้คุณมีไขมันส่วนเกินสะสม และก่อให้เกิดโรคอ้วนได้
2. ชีสเค้ก
ต่อเนื่องจากเนื้อหาก่อนหน้าที่มีการอธิบายถึงเจลลาตินที่ในหลาย ๆ เมนูมักจะมีการใส่เข้าไปในอาหาร เพื่อให้อาหารเกิดการเซ็ตตัว และขึ้นรูปได้ง่าย สำหรับชีสเค้กเองก็มีการใส่เจลาตินด้วยเหตุผลที่ไม่ไกลกันมากนัก อีกหนึ่งจุดน่าสนใจที่อยากพูดถึงเกี่ยวกับการเลือกใส่เจลาตินแทนที่จะต้องเสียเวลาอบเป็นเวลานาน เพื่อให้เค้กสามารถเซ็ตตัวได้คือ ขนมชีสเค้กจะปลอดภัย รสชาติโปร่ง ได้กลิ่นหอม และที่สำคัญเลยก็คือ ได้รสชาติของเค้กจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องใส่ส่วนผสมเพิ่มเติมให้วุ่นวาย
3. แยม
หลังจากที่อยู่กับเมนูประเภทของหวานอย่าง เยลลี่ และชีสเค้ก ที่มีส่วนผสมหลักอย่างเจลาตินอยู่ในเมนู เพื่อให้ขนมสามารถเซ็ตตัวได้โดยง่าย แต่หลายคนจะต้องยังไม่รู้แน่ว่าในแยมที่ใช้สำหรับการทาขนมปังนั้น ก็มีส่วนผสมหลัก ๆ เป็นเจลาตินด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนมากมักจะมีการใส่เจลาตินแบบผง เพื่อให้แยมเซ็ตเป็นเนื้อเดียวกัน และยังคงเป็นรสชาติของผลไม้ หรือส่วนผสมหลักของตัวเองเอาไว้ได้
4. โดนัทเคลือบน้ำตาล
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าอาหารส่วนมากที่มีการใส่เจลาตินเป็นส่วนผสมหลักจะเป็นของหวานส่วนมาก และมักจะมีการใส่เจลาติน เพื่อจุดประสงค์อย่างการรักษารูปร่างในการเซ็ตตัวขนมหวาน เช่นเดียวกันกับตระกูลโดนัทที่เคลือบน้ำตาล โดยส่วนที่เคลือบน้ำตาลนี้นี่เองที่มีส่วนผสมของเจลาตินอยู่จำนวนมาก
5. หมากฝรั่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นอีกเมนูของหวานที่ผู้คนชื่นชอบ และหลงใหลกันอย่างมาก ด้วยความเหนียวหนึบของหมากฝรั่ง ทำให้ยิ่งเคี้ยว ยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินไปกับสัมผัสที่ได้ อย่างไรก็ดีสิ่งที่น้อยคนจะรู้คือ หมากฝรั่งมีส่วนผสมของเจลาตินสูงมาก นั้นเป็นเหตุว่าทำไมหมากฝรั่งถึงได้มีความเหนียว และหนุบทุกครั้งที่ได้ทาน
6. ซีเรียลบาร์
ต้องเป็นซีเรียลประเภทบาร์ หรือแบบแท่งเท่านั้น เมื่อคุณได้ลองพลิกหลังกล่องดูจะพบได้ว่าซีเรียลประเภทนี้มีส่วนผสมของเจลาติน หรือต่อให้คุณไม่รู้ส่วนผสมมาก่อนก็คาดว่าน่าจะพอรู้ได้ เพราะจุดสังเกตหลักคือการที่ซีเรียลมาอยู่ในรูปแบบแท่งได้ ต้องมีส่วนผสมบางอย่างที่ยึดติด และทำให้ขึ้นรูปได้ง่าย เจลาตินเป็นส่วนผสมที่มีความสามารถนั้น และมีชื่อเสียงในวงการขนมหวานมาอย่างช้านาน ไม่แน่ว่าครั้งหน้าก่อนที่คุณจะเลือกรับประทานซีเรียลแบบแท่ง ลองพลิกหลังซองดูอาจจะพบเจลาตินเป็นองค์ประกอบหลักของซีเรียลบาร์ก็เป็นได้
7. เค้กแช่แข็ง
เค้กแช่แข็งน่าจะเป็นหนึ่งในเมนูที่หลายคนคิดถึง และชื่นชอบกันอย่างแพร่หลาย เพราะด้วยรสชาติของเค้กที่มีทั้งหวานมัน และยังมีการตกแต่งที่ชวนให้น่าทะนุถนอมเป็นพิเศษ ใครที่ชื่นชอบของหวานเป็นไปไม่ได้มากที่คุณจะพลาดกับเมนูนี้ เจลาตินเองก็มีบทบาทหลักในการขึ้นรูป และทำให้เค้กมีความหนืด แข็งตัว จนสามารถก่อให้เป็นรูปร่างตามที่ผู้สร้างสรรค์เค้กสามารถตกแต่ง และพร้อมวางขายได้นั่นเอง
8. มาร์ชเมลโล
ส่งท้ายไปกับของหวานที่คาดว่าทุกคนน่าจะมีโอกาสได้ชิม และลิ้มรสกันมาก่อนคือ มาร์ชเมลโล ซึ่งเสน่ห์หลักของของหวานนี้คือสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ละมุนลิ้น และแน่นอนว่าเมื่อสัมผัสที่ได้มีความเหนียว ส่วนประกอบหลักที่ทำให้เกิดสัมผัสแบบนั้นก็จะต้องเป็นหน้าที่ของเจลาตินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่เป็นภาพรวมของการแนะนำ อาหารที่มีเจลาตินสูง รวมไปถึงการเจาะลึกเกี่ยวกับข้อดีของโปรตีนชนิดนี้ หวังว่าใครที่ครั้งหนึ่งเคยสงสัยว่าเจลาตินคืออะไร ประโยชน์ต่าง ๆ ของเจลาติน และทำไมเจลาตินถึงมักจะเป็นส่วนประกอบหลักของเมนูของหวานหลาย ๆ ชนิด หวังว่าบทความนี้จะช่วยคลายความสงสัย และทำให้คุณกระจ่างได้ว่าทำไมเจลาตินถึงมีความสำคัญ
อ้างอิง
- เจลาตินที่เรารู้จัก ทำมาจากอะไรกันนะ. https://www.sgethai.com/article/เจลาติน-คืออะไร-ใช้ทำอะ/