เคล็ดลับบำรุงผิวเด็ก ดูแลผิวอย่างไร ถ้าไม่อยากให้แก่ไว 

เคล็ดลับบำรุงผิวเด็ก

Table of Contents

เคล็ดลับบำรุงผิวเด็ก เป็นวิธีการดูแลที่หลายๆ คนตามหาเมื่ออายุมากขึ้น เพราะ อายุไม่ใช่เพียงตัวเลขอีกต่อไปเมื่อการเพิ่มขึ้นของตัวเลขแต่ละปีมาพร้อมกับความหย่อนคล้อย ผิวหนังขาดความกระชับ โดยมีสาเหตุหลักจากปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังลดลง ประกอบกับความเครียดและการแสดงออกทางสีหน้าที่มีผลต่อการหดเกร็งของกล้ามเนื้อกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการขัดขวางสารอาหารที่ถูกลำเลียงโดยเลือดและน้ำเหลือง ส่งผลให้ผิวบางส่วนไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่จนก่อให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยตามมา

แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่ปัจจัยภายในเท่านั้นที่ส่งผลทำให้หน้าแก่ไวพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะ แสงแดด ควันบุหรี่ ของหวาน ก็เป็นหนึ่งในเหตุผล สำหรับสัญญาณที่ได้ชัด ได้แก่ ผิวเริ่มแห้ง ไวต่อแสง ดูหมองคล้ำไม่สดใส เริ่มมีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ใต้ตา หางตาและร่องแก้ม ผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อยหน้าซูบตอบไม่อิ่มฟู ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจึงต้องเริ่มจากการปรับพฤติกรรม แต่จะปรับไปในทิศทางไหนหรือมีวิธีการอย่างไร วันนี้คุณจะได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ 3 สิ่งที่ควรทำ ถ้าไม่อยากให้แก่ไวเริ่มต้นง่าย ๆ ที่ตัวคุณ, เคล็ดลับบำรุงผิวช่วยชะลอวัยจากภายในสู่ภายนอก,เคล็ดลับบำรุงผิวจากภายนอก และ แนะนำอาหารเสริมชะลอวัย


เคล็ดลับบำรุงผิวเด็ก ถ้าไม่อยากให้แก่ไวเริ่มต้นง่าย ๆ ที่ตัวคุณ

เคล็ดลับบำรุงผิวเด็ก ถ้าไม่อยากให้แก่ไวเริ่มต้นง่าย ๆ ที่ตัวคุณ

เราไม่สามารถลดอายุที่เพิ่มขึ้นทุกปีได้ แต่สามารถชะลอการเสื่อมของสภาพผิวด้วยการปรับพฤติกรรมใหม่ด้วยสิ่งที่ควรทำ ถ้าไม่อยากให้แก่ไว ดังต่อไปนี้

1. ทาครีมกันแดด

การทาครีมกันแดดสิ่งสำคัญเพราะมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ทั้งที่มาจากแสงแดดและหลอดนีออน โดยใน 1 วัน จะต้องทาซ้ำทุก 1 – 2 ชั่วโมงและเลือก SPF ให้เหมาะสม ดังนี้

  • อยู่ในที่ร่ม SPF 15 PA ++
  • อยู่กลางแจ้ง SPF 30 PA +++
  • อยู่กลางแจ้งและแดดจัด SPF 50 PA ++++

ปริมาณการทา

จากผลการวิจัยหลายชิ้นระบุว่าควรทาครีมกันแดดประมาณ 2 มิลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร พื้นผิว (ผู้ใหญ่เฉลี่ย) 1.73 ตารางเมตร นั่นเท่ากับว่าต้องทาครีมกันแดดทั่วตัว 34.6 กรัม หรือประมาณ 17.5 ข้อนิ้ว (2 ข้อนิ้ว = 1 กรัม) โดยออกเป็นสัดส่วนตามร่างกายในปริมาณต่างกัน

  • ใบหน้า 2 ข้อนิ้ว
  • ใบหน้าและลำคอ 2.5 ข้อนิ้ว
  • ลำตัวหน้า 7 ข้อนิ้ว
  • ลำตัวหลัง 7 ข้อนิ้ว
  • แขนสองข้าง 6 ข้อนิ้ว (ข้างละ 3 ข้อนิ้ว)
  • ฝ่ามือสองข้าง 2 ข้อนิ้ว (ข้างละ 1 ข้อนิ้ว)
  • ขาสองข้าง 12 ข้อนิ้ว (ข้างละ 6 ข้อนิ้ว)
  • เท้าสองข้าง 4 ข้อนิ้ว (ข้างละ 2 ข้อนิ้ว)

ทั้งนี้การเลือกครีมกันแดดที่ดีต้องมีคุณสมบัติป้องกันรังสีได้ครบทั้ง UVA, UVB และ UVC และมีความสามารถในการป้องกันมากกว่า 93% ขึ้นไป


2. นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

หลายคนอาจจะเข้าใจแค่ว่าการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอประมาณ 7 – 9 ชั่วโมงต่อวันก็ช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพแล้ว แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยเพราะคุณภาพการนอนหลับไม่ได้วัดกันที่ระยะเวลาการนอนแต่วัดที่วงจรการหลับที่ครบถ้วน ดังนี้

  • ก่อนหลับใช้เวลาประมาณ 30 – 7 นาที (กรณีเป็นผู้ไม่มีปัญหาเรื่องการนอน)
  • หลับตื้น มีการหลับเกิดขึ้นแต่ไม่มีการฝัน
  • หลับลึก เป็นเวลาที่ร่างกายเข้าสู่การพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบพร้อมหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) โดยทั่วไปแล้วพบได้ในทุกวัยแต่เมื่อร่างกายย่างเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์หรืออายุ 25 ขึ้นไปจะเริ่มผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ลดลงถึง 14% ทุก 10 ปี ดังนั้นหากนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะช่วยรักษาระดับของโกรทฮอร์โมนให้อยู่ในภาวะปกติอย่างที่ควรจะเป็น และกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยชะลอวัยและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย นอกจากนั้นหากร่างกายผลิตออกมาในปริมาณที่เหมาะสมยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนให้แก่ผิว ผิวเต่งตึงย้อนวัยได้อีกด้วย
  • หลับฝัน สำหรับระยะร่างกายจะได้พักผ่อนแต่สมองยังคงตื่นตัว พร้อมสำหรับการจัดระบบความจำและความคิด

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการนอนเพียงแค่ 4 – 5 ชั่วโมงหรือ 7 – 8 ชั่วโมงไม่ได้วัดว่าคุณนอนหลับพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ เพราะอาจมีความเป็นไปได้ที่ร่างกายอาจไม่ได้เข้าสู่ระยะหลับลึกซึ่งเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการนอน แต่อย่างไรก็ตามการนอนแค่ 4 – 5 ชั่วโมงแม้จะเข้าช่วงระยะหลับลึกได้ แต่กรณีใช้เวลาหลับแค่ 20-30 นาทีก็อาจส่งผลให้ตอนตื่นขึ้นมาไม่สดชื่นได้เช่นกัน


3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายที่ดีควรยึดหลักทางสายกลางไม่มากหรือน้อยเกินไปเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและมีส่วนช่วยในการชะลอวัย เช่นออกกำลังกายวันละ 45 – 60 นาที 4 – 5 วันต่อสัปดาห์ โดยแบ่งออกเป็น Cardio 150 นาทีต่อสัปดาห์และ Weight Training 2 – 5 ท่า ท่าละ 10 ครั้งทำทั้งหมด 4 Set เป็นต้น


เคล็ดลับบำรุงผิวช่วยชะลอวัยจากภายในสู่ภายนอก

เคล็ดลับบำรุงผิวช่วยชะลอวัยจากภายในสู่ภายนอก

สุขภาพผิวที่ีดีไม่อยากแก่ pantip เริ่มต้นจากภายใน ด้วยหลักการง่าย ๆ อย่างกินอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

  1. วิตามินซี (Vitamin C) : มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระ และมีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและป้องกันการเกิดริ้วรอย ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 1,000 – 2,000 มิลลิกรัม โดยแบ่งครั้งละ 500 มิลลิกรัมเพื่อการดูดซึมที่ดี
  2. วิตามินอี (Vitamin E) : มีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ การกินในปริมาณที่เหมาะสมจะสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวไปพร้อมกับการลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี ปริมาณที่ควรกินต่อวัน 200 – 1,200 IU แต่ไม่ควรกินติดต่อกันนานเกิน 3 เดือน
  3. ซิลีเนียม (Selenium) : หากทำงานร่วมกับวิตามินอีจะมีส่วนช่วยในการปกป้องผิว ชะลอความแก่ชรา และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาเนื้อเยื่อต่างๆรวมถึงชะลอการแก่ตายของเซลล์ตามธรรมชาติ ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 50 – 70 ไมโครกรัม
  4. แคโรทีน (Carotene) : มีส่วนช่วยในการป้องกันรังสี UV จากแสงแดดอันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 15 มิลลิกรัม

เคล็ดลับบำรุงผิวจากภายนอก

เคล็ดลับบำรุงผิวจากภายนอก

นอกเหนือจากการวิธีชะลอวัย Pantip จากภายในแล้วการทาครีมบำรุงเองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ โดยเลือกครีมบำรุงที่มีส่วนผสม ดังต่อไปนี้

  1. เรตินอล (Retinol) : มีส่วนช่วยในการลดริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (มีผลงานวิจัยบ่งชี้อย่างชัดเจน) สำหรับปริมาณความเข้มข้นที่ควรใช้คือ 0.01%
  2. โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10) : หากได้รับโคเอนไซม์คิวเทนในปริมาณที่เหมาะสมจะมีส่วนช่วยในการป้องกันรังสี UVA, UVB สร้างเกราะป้องกันให้แก่ผิวและเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำเพื่อให้ผิวมีความนุ่มชุ่มชื้น รวมถึงป้องกันการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอิลาสตินซึ่งมีผลโดยตรงต่อความอ่อนเยาว์ของผิว

แนะนำอาหารเสริมชะลอวัย

แนะนำอาหารเสริมชะลอวัย

นอกเหนือจากการกินอาหารที่มีประโยชน์และหมั่นทาครีมบำรุง ยังมีอีกหนึ่งทางลัดแพทย์ แนะนำวิธีชะลอความแก่ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ (สำหรับผู้ไม่มีเวลา) นั่นคือการกินอาหารเสริม

  • คอลลาเจนสายสั้น (Hydrolyzed Collagen) มีประโยชน์เรื่องการดูดซึมที่ดีกว่า ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 5,000 – 7,000 มิลลิกรัม แต่ไม่ควรเกิน 10,000 มิลลิกรัม หากอยากเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอลลาเจนควรกินคู่กับวิตามินซี กินขณะท้องว่าง และดื่มน้ำตามมาก ๆ
  • แอสต้าแซนทีน (Astaxanthin) จากงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการกินแอสต้าแซนทีนขนาด 2 – 12 มิลลิกรัมต่อวันมีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอยอันมีสาเหตุจากแสงแดด พร้อมฟื้นฟูสภาพผิวและชะลอความชราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) อุดมไปด้วย Super Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินอี 50 เท่าและวิตามินซีถึง 20 เท่า มีส่วนช่วยในการชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ เช่น อีลาสติน คอลลาเจน ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 50 – 150 มิลลิกรัม

อย่างไรก็ตามแม้โดยธรรมชาติเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่หลายครั้งก็มีปัจจัยทั้งภายนอกและภายในนอกเหนือจากอายุที่มากขึ้นเพิ่มการเสื่อมสภาพของเซลล์ เช่น คุณภาพการนอนหลับไม่ดี การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ การทาครีมบำรุงไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงต้องเริ่มจากการปรับพฤติกรรมด้วย 3 สิ่งที่ควรทำ ถ้าไม่อยากให้แก่ไวไปพร้อม ๆ กับการทำตามเคล็ดในการบำรุงผิวเพื่อสุขภาพผิวที่ดีและแลดูอ่อนกว่าวัย


อ้างอิง

บทความที่เกี่ยวข้อง

อาหารเสริมวิตามินผิว
สาระความรู้
อาหารเสริมวิตามินผิว มีอะไรบ้าง ? เปิดสาเหตุเพิ่มวิตามินให้ผิว ดีอย่างไร

เพิ่ม อาหารเสริมวิตามินผิว เสริมได้ด้วยวิตามินซี นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ร่างกายได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความขาวกระจ่างใสได้มากกว่าเดิม

อ่านต่อ
เครื่องดื่มคอลลาเจนยี่ห้อไหนดี ? มาเพิ่มคอลลาเจนง่าย ๆ กัน

มองหา เครื่องดื่มคอลลาเจนยี่ห้อไหนดี มาดูกัน ตัวช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกายได้มากกว่าเดิม พร้อมเพิ่มความกระชับ เต่งตึงให้ผิว

อ่านต่อ
โรคข้อเสื่อมรักษาอย่างไร แบบไม่ผ่าตัด
สาระความรู้
โรคข้อเสื่อมรักษาอย่างไร แบบไม่ผ่าตัด

โรคข้อเสื่อมรักษาอย่างไร แบบไม่ผ่าตัด ทำง่าย เห็นผลจริง เพียงแค่เปลี่ยนแปลงบางพฤติกรรมที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดข้อเสื่อม

อ่านต่อ
คอลลาเจน Type II และ III แตกต่างกันอย่างไร
สาระความรู้
คอลลาเจน Type II และ III แตกต่างกันอย่างไร ? เลือกกินอย่างไรดี

คอลลาเจนแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร อะไรคือความแตกต่างของ คอลลาเจน Type II และ III เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและผิวหนังได้ง่าย ๆ

อ่านต่อ
วิธีดูแลตัวเอง เมื่อเป็นโรคข้อเสื่อม
สาระความรู้
วิธีดูแลตัวเอง เมื่อเป็นโรคข้อเสื่อม

วิธีดูแลตัวเอง เมื่อเป็นโรคข้อเสื่อม ยิ่งดูแลตัวเองดี ยิ่งหายได้ง่าย และเร็วขึ้น วิธีการดูแลร่างกายตัวเอง และพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง

อ่านต่อ
โรคข้อเสื่อม เกิดจากอะไร?
สาระความรู้
โรคข้อเสื่อม เกิดจากอะไร?

โรคข้อเสื่อม เกิดจากอะไร? หรืออาการเบื้องต้นของโรคข้อเสื่อม, รับประทานอะไรเพื่อบำรุงข้อต่อ หรือจะเป็นวิธีการดูแลรักษา บทความนี้มีคำตอบ

อ่านต่อ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save